บทคัดย่อ
ชื่อเรื่อง การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้โดยชุดกิจกรรมการเรียนแบบร่วมมือ
(STAD)
การอ่านและเขียนคำที่ประสมด้วยสระและการผันวรรณยุกต์
กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2
ชื่อผู้วิจัย หัทชยานันท์ แก้วเจริญ
การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) เพื่อศึกษาข้อมูลพื้นฐานและความต้องการในการพัฒนา
การจัดการเรียนรู้โดยใช้ชุดกิจกรรมการเรียนแบบร่วมมือ (STAD) การอ่านและเขียนคำที่ประสมด้วยสระและการผันวรรณยุกต์
2) เพื่อร่างรูปแบบการจัดการเรียนรู้โดยใช้ชุดกิจกรรมการเรียนแบบร่วมมือ
(STAD) การอ่านและเขียนคำที่ประสมด้วยสระและการผันวรรณยุกต์
กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์
80/80 3) เพื่อทดลองใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้โดยใช้ชุดกิจกรรมการเรียนแบบร่วมมือ
(STAD) การอ่านและเขียนคำที่ประสมด้วยสระและการผันวรรณยุกต์
กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 4). เพื่อประเมินผลและปรับปรุงแก้ไขรูปแบบการจัดการเรียนรู้โดยใช้ชุดกิจกรรมการเรียนแบบร่วมมือ
(STAD) การอ่านและเขียนคำที่ประสมด้วยสระและการผันวรรณยุกต์
กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 กลุ่มตัวอย่างเป็นนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่
2 โรงเรียนเทศบาลบ้านท้ายช้าง สังกัดเทศบาลเมืองพังงา ภาคเรียนที่ 1
ปีการศึกษา 2561 ที่ได้มาโดยการสุ่มอย่างง่าย (Simple Random Sampling) ใช้การจัดฉลากโดยใช้ห้องเรียนเป็นหน่วยในการสุ่ม
ได้นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2/2 จำนวน 1 ห้อง
นักเรียน 35 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วย 1) แบบสัมภาษณ์ 2)
แบบประเมินความเหมาะสมและความสอดคล้องของรูปแบบการจัดการเรียนรู้โดยใช้ชุดกิจกรรมการเรียนแบบร่วมมือ
(STAD) การอ่านและเขียนคำที่ประสมด้วยสระและการผันวรรณยุกต์ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย
ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 3) รูปแบบการจัดการเรียนรู้โดยใช้ชุดกิจกรรมการเรียนแบบร่วมมือ
(STAD) การอ่านและเขียนคำที่ประสมด้วยสระและการผันวรรณยุกต์
กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 4) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน
การอ่านและเขียนคำที่ประสมด้วยสระและการผันวรรณยุกต์ 5) แบบประเมินทักษะการอ่าน การเขียนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 และ 6) แบบสอบถามความพึงพอใจ วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้ค่าสถิติร้อยละ
(%) ค่าเฉลี่ย ( ) ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) การทดสอบค่าที (t-test) แบบ dependent และ การวิเคราะห์เนื้อหา
(Content Analysis) แล้วนำเสนอแบบพรรณนาความ
ผลการวิจัยพบว่า
1. ผลการศึกษาข้อมูลพื้นฐานและความต้องการในการพัฒนา
การจัดการเรียนรู้การอ่านและเขียนคำที่ประสมด้วยสระและการผันวรรณยุกต์ พบว่าควรส่งเสริมการเรียนแบบร่วมมือ (STAD)
เพราะเป็นการเรียนแบบร่วมมือ เน้นทักษะการคิด
การเรียนรู้กระบวนการแก้ปัญหา
2. ร่างรูปแบบการจัดการเรียนรู้โดยใช้ชุดกิจกรรมการเรียนแบบร่วมมือ (STAD)
การอ่านและเขียนคำที่ประสมด้วยสระและการผันวรรณยุกต์
กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย
ชั้นประถมศึกษา
ปีที่ 2
ใช้รูปแบบ“PGFL Model” ประกอบด้วย 1) การวางแผนและให้ความรู้(Planning and
Knowledge : P) 2) กระบวนการกลุ่ม (Group Process : G) 3) การทำบ่อยๆ (Frequently : F) 4)
ชุมชนการเรียนรู้ (Learning
Community : L) ส่วนการตรวจสอบรูปแบบมีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมาก
การทดสอบค่าประสิทธิภาพขั้นทดลองภาคสนาม พบว่ารูปแบบการจัดการเรียนรู้โดยชุดกิจกรรมการเรียนแบบร่วมมือ
(STAD) การอ่านและเขียนคำที่ประสมด้วยสระและการผันวรรณยุกต์
กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 มีประสิทธิภาพ 81.67/81.44 สามารถนำรูปแบบไปใช้เป็นเครื่องมือในการทดลองขั้นต่อไป
3. ผลการทดลองใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้โดยใช้ชุดกิจกรรมการเรียนแบบร่วมมือ
(STAD) การอ่านและเขียนคำที่ประสมด้วยสระและการผันวรรณยุกต์
กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 ได้ค่าประสิทธิภาพ 82.98/83.64
4. ผลการประเมินผลและปรับปรุงรูปแบบการจัดการเรียนรู้โดยชุดกิจกรรมการเรียนแบบร่วมมือ
(STAD) การอ่านและเขียนคำที่ประสมด้วยสระและการผันวรรณยุกต์
กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2
1)
การเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนและหลังเรียนรู้มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01
2) การประเมินทักษะการอ่านของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่
2 ในภาพรวม อยู่ในระดับอ่านคล่อง และผลการประเมินทักษะการเขียนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่
2 ในภาพรวม อยู่ในระดับเขียนคล่อง
3)
การประเมินความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อรูปแบบการจัดการเรียน ในภาพรวม
อยู่ในระดับมาก |